“ตอนนี้เอะอะอะไรก็ร้อง ขัดใจนิดหน่อยไม่ได้เลย บางทีก็ไม่รู้ด้วยว่าร้องทำไม”
“ไม่กล้าพาไปไหนแล้ว เมื่อวานพาไปห้าง จะซื้อของเล่น แต่ไม่ซื้อให้เพราะมีแล้ว ก็ลงไป
นอนดิ้นกับพื้น ร้องจะเอาให้ได้ คนดูกันใหญ่”
ปัญหาข้างต้นเป็นปัญหาติดอันดับสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกอายุประมาณ 2 ขวบค่ะ พฤติกรรมดังกล่าวเรียกว่า “Temper Tantrum” แปลเป็นภาษาไทยง่าย ๆ ว่า “ร้องอาละวาด” คือเด็กจะแสดงอารมณ์โกรธที่รุนแรง โดยทิ้งตัวลงกับพื้น นอนดิ้น ฟาดแขนฟาดขา แผดเสียงร้อง ขณะที่ร้องนั้นเด็กจะปล่อยอารมณ์ออกทางกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว
Temper Tantrum เป็นพฤติกรรมปกติของเด็กปฐมวัยที่กำลังพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง ประกอบกับพัฒนาการด้านภาษายังไม่ดีนัก อะไรที่ไม่ได้ดังใจหรือไม่ได้รับการตอบสนองอย่างทันใจ จะทำให้เขาโกรธและแสดงพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งเมื่อมีความเข้าใจภาษาเข้าใจเรื่องเหตุผลมากขึ้น และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอดทนหรือรอคอยทุกอย่างก็จะผ่านไป แต่ถ้ามีการตอบสนองที่ไม่เหมาะสม เช่นการตามใจเมื่อเด็กร้อง เด็กก็จะเกิดการเรียนรู้ว่าการร้องอาละวาดจะสามารถควบคุมสถานการณ์หรือเอาชนะผู้ใหญ่ได้ เด็กจะใช้วิธีนี้มาเรียกร้องความต้องการของตนเสมอจนติดเป็นนิสัย หรือถ้าใช้วิธีลงโทษ ไม่ว่าจะดุหรือตี เด็กจะยิ่งคับข้องใจสุดท้ายก็จะรุนแรงขึ้นเพื่อลองกำลังกับผู้ใหญ่
เจ้าหนูออทิสติกของพวกเราก็มีพฤติกรรมนี้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่มีปัญหาในการสื่อสารจะพบได้ง่าย ดิฉันขอเล่าเรื่องของตาหนูออทิสติกคนหนึ่งเป็นตัวอย่างนะคะ ตอนนั้นเขาอายุสองขวบต้น ๆ กำลังพัฒนาไปได้ดี แต่เริ่มมีปัญหาที่รบกวนทางบ้านคือร้องเอาแต่ใจนี่แหละค่ะ ขัดใจเป็นลงนอน แหกปากร้องดิฉันมักจะได้รับโทรศัพท์ของคุณแม่เขาเกือบทุกเย็น
“เอาอีกแล้วร้องอีกแล้ว ได้ยินมั้ยคะ เนี่ยจะ……..” (ที่จุดจุดจุดไว้เป็นความต้องการของตาหนูตอนนั้น ที่เปลี่ยนไปในแต่ละวันที่แม่เล่า) น้ำเสียงคุณแม่กลุ้มใจมากคิดว่าลูกต้องผิดปกติ มันต้องเป็นอาการออทิสติกที่แย่แน่เลย ดิฉันต้องอธิบายว่าเป็นเรื่องปกติ และค่อย ๆ ชี้ให้เห็นว่าปกติอย่างไง “ดูสิ ลูกเอาแต่ร้อง ไม่รู้เรื่องหรือเปล่า - ก็เปล่า / ดูสิ สายตาลูกมองเราอยู่ใช่มั้ย – ก็ใช่ นั่นแหละเขารอให้เราตามใจเขา ตอนนี้เราทำอะไรอยู่ก็ทำไป อดทนอีกนิดเดียว เดี๋ยวก็เงียบเอง” น้ำเสียงแม่ใจชื้นขึ้นหน่อย สองสามวันผ่านไปแม่เริ่มมั่นใจว่าลูกปกติจริง ๆ และอดทนมากขึ้น นิ่งขึ้น แต่มันไม่ง่ายสำหรับบ้านนี้เพราะคุณแม่ต้องกังวลกับคุณตาคุณยาย คุณป้า ๆ ที่สงสารหลานพร้อมจะตอบสนองความต้องการของหลานทุกเมื่อ แต่คุณแม่ก็ผ่านมาได้ระดับหนึ่ง
และไม่ใช่แต่ที่บ้านนะคะตาหนูมาแผลฤทธิ์โชว์ที่ห้องบำบัดอยู่เหมือนกัน มีครั้งหนึ่งทำให้ดิฉันต้องเดินอมยิ้มออกจากห้อง ก็เพราะดิฉันไปขัดใจเขา (ไม่ใส่รองเท้าให้เขา เพราะอยากให้เขาใส่เอง) ว่าแล้วคุณก็ลงนอนกับพื้น แต่ด้วยความเชี่ยวชาญที่ใช้วิธีนี้บ่อย ก่อนหัวจะถึงพื้นคุณเหลือบมองก่อนเห็นว่ามีเก้าอี้ตัวหนึ่งตั้งอยู่ แล้วคุณก็ผลักขาเก้าอี้หลบไปนิดหนึ่งหัวจะได้ไม่โขกเก้าอี้ ก่อนจะนอนดิ้นแถกแถก ร้องไห้เสียงดัง ดิฉันปล่อยให้คุณเธอร้องจนสงบและเดินถือรองเท้าออกมา ดิฉันจึงเข้าไปคุยด้วยและบอกให้ใส่รองเท้าก่อนแล้วจะพาออกไปส่ง ดิฉันเพียงจัดวางรองเท้าให้ เขาก็ใส่จนเสร็จ ดิฉันเชื่อว่าที่บ้านก็กำลังจะผ่านไปได้เช่นกัน
หลายท่านอาจกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ขณะลูกกำลังร้องอาละวาด คุณต้องนิ่ง และใจเย็น อย่าให้ลูกรู้สึกว่าเราสนใจเขา รอจนลูกสงบแล้วจึงเข้าไปพูดคุยกับลูก เปิดโอกาสให้ลูกพูดสื่อความต้องการ ไม่ควรใช้วิธีตีหรือลงโทษ หรือตามใจเพื่อหยุดพฤติกรรมเด็ก และต้องสม่ำเสมอด้วยนะคะ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปค่ะ อ้อ ช่วงนี้ไม่ควรพาไปห้างสรรพสินค้านะคะ เพราะคุณอาจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ขอบอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น